แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้านภาค 1 และ 2

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้านภาค 1 และ 2
ถล่มแผง SE-ED ทั้งประเทศ (ถ้าอ่านแล้วชอบ ฝากบอกต่อด้วยนะครับ..หุ หุ)”

วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คุยกับ “ภาววิทย์” โดย “ป๋ากึ้ง” (แกะรอยหยักสมอง!!) ....ตอนที่ 2



ป๋ากึ้ง : ตอนนี้มองตลาดหุ้นแล้วมึนตึ๊บ ทะลุ 800 จุดไปชิวๆ ทั้งที่ Fund Flow ยังนอนตีพุงอยู่นอกตลาด .. ช่วงนี้ขาใหญ่บ้านเราก็ลากเอา ลากเอา “สงสัยอยู่ว่า เขาจะลากรายย่อยไปเชือดชะมั้ง!!” ..—ภาววิทย์ -คิดว่ายังไง

ภาว วิทย์ : ผมมองเป็นสองประเด็นนะ “ไม่ขึ้นก็ตก..หุ หุ” (ตอบแบบกำปั้นทุบดิน โคตร…!!) --คือส่วนตัวผมมองว่า วันนี้ตลาดถูกมากๆ (ผมไม่ได้หมายความว่า จะไม่มี Double Dip นะ เพราะถ้าดูทาง Technical ตอนนี้ ยังไงระยะสั้น ใครๆก็มองว่าต้องมี Correction แน่นอน) ---จริงหรือ!! (ไม่ได้ท้าทาย ..เพราะจริงๆ ผมมองว่า ที่บอกๆกันว่าจะ Correction แล้วถ้าเกิด Fund Flow มันเปลี่ยนใจ “รวมใจไหลเข้ามาล่ะ!!” นักวิเคราะห์จะไม่ปากกาหักอีกกี่แท่ง ….ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ตลาดจะ Correction หรือไม่ ที่สำคัญผมต้อง ถามกลับว่า “คุณเล่นหุ้นแบบไหนต่างหาก”

ป๋ากึ้ง : ทำไมล่ะ!! ช่วยแถลงไข ด่วน!!

ภาว วิทย์ : โอเค! ยกตัวอย่างผม บริหาร Port ให้ครอบครัว ผมต้องตีโจทย์ตรงนี้ของคุณแม่ว่า (หนึ่ง) ไม่ต้องการเสี่ยง (สอง) ต้องให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก … “เมื่อผมรู้ว่าก้อนนี้ผมคือเงินนอน ดังนั้นภารกิจ การจะทำกำไรเหนือกว่าเงินฝาก “ร้อยเท่า” ของผมจึงเกิดขึ้น” --- หุ้นที่สามารถเล่นได้ ต้องเป็น Blue chip ที่ “เจ๊งไม่ได้”

..ต้อง ดูว่า กิจการมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ---จุดนี้หมายความว่า Book Value จะเติบโตตาม GDP ….จากนั้นผมก็ดูว่า P/BV ต่ำกว่า 1 (เพราะมันหมายความว่า ผมซื้อหุ้นถูกกว่าที่เจ้าของลงทุน แสดงว่า “มันถูก” ) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกตัวต้องต่ำกว่า 1 เท่า อาจสูงกว่านิดหน่อยแต่ต้องไม่มาก ….จากนั้น ผมก็มอง Dividend ต้องสูงกว่าเงินฝาก (เมื่อเลือกได้ ก็เสร็จภารกิจ ซื้อแล้วเก็บ Port ไปเลย ..ทำให้ผมไม่ต้องมาลุ้นว่า มันจะ Double Dip หรือ Correction หรือไม่ ..เพราะมันไม่เกี่ยวกับผมเลย)

ป๋ากึ้ง : อ้าว!! แล้วถ้าตลาดมัน Dip ลงไป “ราคาหุ้นที่ซื้อมาตกลงไปเยอะ” ภาววิทย์จะทำอย่างไร

ภาว วิทย์ : “ก็ไม่เห็นต้องทำอะไร” แต่ถ้ามันตก แล้วผมพอจะมีเงิน ผมอาจช้อนเพิ่ม ..เพราะผมแน่ใจว่า “หุ้นที่ผมซื้อมันราคาถูกอยู่แล้ว ..คือยิ่ง ถ้าถูกกว่านี้ มันก็ยิ่งน่าซื้อ” ---ผมว่านะ “คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด” นึกว่าตัวเอง สามารถซื้อหุ้นได้ถูกที่สุด หรือสามารถขายได้แพงที่สุด ----ทฤษฎีนี้เขาเรียก Timing Market ในระยะยาว “คุณนับคนได้ ว่าทั้งโลกมีคนที่ทำวิธีนี้แล้วชนะตลาด ผมจะไปกราบขอเป็นศิษย์…หุ หุ” (ย้อเย่น!! แต่ในความเป็นจริง ในระยะสั้นคุณอาจโชคดี แต่ในระยะยาว ไม่มีใครโชคดีทุกครั้ง --ผมถามกลับหน่อย ถ้าหากคุณโชคดีทุกครั้ง แต่ครั้งสุดท้าย คุณโชคร้าย “เสียทั้งหมดที่เคยกำไรมา”(แนวคิดของ Black Swan) –“อย่างนี้จะเรียกว่าคุณ สำเร็จ หรือ ล้มเหลว ล่ะ!!”

ดังนั้น ประเด็นที่ป๋ากึ้งถามว่า ถ้าหุ้นที่ซื้อตก จะทำอย่างไร ผมว่ามันตอบตั้งแต่ต้นแล้ว “เพราะที่จริง ถ้าผิด มันก็ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว” คือ คุณต้องเชื่อมั่นในการตัดสินใจ คุณถึงจะสามารถกินปลาใหญ่ได้ แต่ถ้าหวังตอดแบบเล็กๆ นั่นมันก็อีกแนวทางในการเล่นหุ้น เพราะมันคนละสไตล์เลย--- การซื้อหุ้นมันถึงกำหนดความสำเร็จตั้งแต่คุณซื้อแล้ว!!

ป๋ากึ้ง : แต่ถ้าซื้อได้ “ถูก” แต่คุณกลับ “ขายหมู” ล่ะ

ภาว วิทย์ : หุ…หุ.. ประเด็นนี้น่าสนใจ “แต่ขายหมู มันหมายถึงคุณกำไรนะ (ดีกว่าติดดอย) …แต่ผมกลับชอบซื้อหมูมากกว่า…หุ หุ” ผมว่า “มนุษย์เรามั่นใจตัวเองมากเกินไป..จึงทำให้พลาดง่าย” เมื่อใดที่คุณมองว่าตัวเองเก่ง เมื่อนั้น ความหายนะมันกำลังนั่งอยู่ข้างๆคุณนะ (เหมือนหนังผี!! น่ะ สยองงงง…) ดังนั้น วันใดที่คุณมั่นใจสุดขีด ผมว่าวันนั้นคุณจำคำพูดผมไว้ ..จากนั้น แบ่ง Port และทำสวนกับความ มั่นใจสุดขีดนั้น --“ผมว่าผลลัพธ์ มันจะทำให้คุณคาดไม่ถึง”

ป๋ากึ้ง : ภาววิทย์ !! ผมว่ามันชักจะนอกเรื่องแล้วนะ …กั๊ก กั๊ก เอาคำตอบที่ตรงประเด็น “สรุปว่า ภาววิทย์ มองว่าวันนี้ตลาดถูก ใช่ไหม”

ภาววิทย์ : ครับ..แต่!! มันไม่ใช่ทุกตัวถูก “ต้องเลือก” อย่างตลาดบ้านเราตั้งแต่ปี 1994 มายังอยู่ใน Trend ขาลงอยู่เลย แต่คุณ ดูซิ ทำไม ดร.นิเวศน์ ทำเงิน จาก port ไม่กี่สิบล้านในปี 1998 วันนี้ port แก “พันล้านแล้ว!!” ถ้าคุณมองแต่ SET คุณจะเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นไหมล่ะ!!

ป๋ากึ้ง : โอโห!! เจ๋งจริงๆ

ภาววิทย์ : หุ ..หุ ..ขอบคุณมาก

ป๋ากึ้ง : ผมหมายถึง ดร.นิเวศน์ เก่ง ไม่ใช่คุณ …ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ภาววิทย์ : ……..(จุ้งเลย!!) -------(อ่านต่อตอนที่ 3..ฉบับหน้า..ฮ่า ฮ่า)

1 ความคิดเห็น: